-------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------

ลงโฆษณา

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีเลือกซื้อเพชร แหวนเพชร

การเลือกซื้อเครื่องเพชร การเลือกซื้อเพชร แหวนเพชร การเลือกซื้อเพชร แหวนเพชรหรือเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูงนั้น ควรจะพิจารณา ตรวจสอบ เปรียบเทียบ อย่างรอบคอบครับ นอกจายปัจจัย 4Cs แล้วยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ที่ผู้ซื้อควรพิจารณาด้วยครับ

1. กำหนดงบประมาณและรู้ถึงความต้องการ สำหรับแหวนหมั้น โดยมากตามบ่าวสาว มักกันงบประมาณ 2-3 เท่าของเงินเดือนครับ เช่นเงินเดือน 30000 บาท ก็อาจกันงบสำหรับแหวน 60000-90000 บาทครับ

2. ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม กำหนดคุณสมบัติเพชรที่ต้องการ เนื่องจากเพชรมีราคาสูง จึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ 4cs และปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อความสวยงามของเพชร เมื่อมีความรู้พอสมควร คราวนี้ก็ได้เวลาตัดสินใจแล้วครับ ว่าเราจะให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากกว่า เช่น อยากได้เพชรเม็ดใหญ่ที่สุุดเท่าที่งบอำนวย ก็อาจดูเพชรสีปานกลาง I-J/VS1-2 หรือในกรณีที่เราต้องการเพชรสีสูงๆ ก็อาจดูเป็นเพชรน้ำ 100-98 (D-F)

3. สำรวจตลาด เมื่อเราตั้งงบประมาณและมีคุณสมบัติเพชรในใจแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาลองสำรวจตลาดแล้วครับ ลองเปรียบเทียบราคาเพชรดูสักสอง สามร้าน เราก็จะพอได้ไอเดียคร่าวๆแล้วครับ ว่าราคาเพชรที่เราต้องการประมาณเท่าไหร่ จำไว้ว่าให้เทียบเพชรที่เกรด คุณภาพเดียวกันเสมอนะครับ ไม่ใช่ว่าดูร้านนึงเป็น G/VS1 ถูกกว่าอีกร้านที่เป็น E/VS1 สำหรับเพชรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (เช่น 30 ตังค์ขึ้นไป) แนะนำให้ซื้อเพชรที่มีเซอร์เท่านั้นนะครับ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเพชรแท้ (ไม่ใช่ เพชรโมอีส หรือคิวบิก) และคุณภาพตรงกับที่ทางร้านกล่าวอ้าง

4. เลือกร้าน/เลือกเพชร หลังจากลองสำรวจตลาดดูสักสอง สามร้านแล้ว เราคงจะได้ร้านที่ถูกใจทั้ง ราคา คุณภาพและการบริการ คราวนี้ก้อถึงเวลาเลือกซื้อเพชรแล้วครับ ผมขอไม่กล่าวถึงเรื่อง 4cs แล้วนะครับเพราะได้กล่าวถึงแล้วใน บทความก่อน คราวนี้ลองดูปัจจัยอื่นๆ ที่ควรระวังเวลาเลือกซื้อเพชรนะครับ ให้สังเกตใน certificate ว่าเพชรมีฟลูออเรสเซนรึป่าวครับ ถ้าไม่มี หรือถ้ามีเป็น slight, faint (จางๆ) ถือว่าดีครับ ถ้าเป็น medium หรือ strong อันนี้ไม่ดีครับ ประกายเพชรจะหมอง และเพชรดูฝ้าครับ จุดสังเกตอีกอันที่ควรระวังคือเรื่องความลึกของเพชรครับ %ความลึกของเพชร (ความลึกเพชร/เส้นผ่านศูนย์กลางเพชร) ไม่ควรเกิน 63% ครับ ไม่งั้นเพชรจะดูหน้าแคบ และเล็กกว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายที่ควรระวัง คือความหนาของขอบเพชร (girdle) ครับ ขอบเพชรที่ดีจะอยู่ระหว่าง Thin-Slightly thick (บางถึงหนาเล็กน้อยครับ) ถ้าเป็น medium ก็ดีครับ แต่ถ้าเป็น Very thin, thick, very thick ไม่ค่อยดีครับ ถึงขั้นตอนนี้ เราคงเหลือเพชรให้พิจารณาอีกไม่กี่เม็ดแล้วครับ :)

5. ตรวจสอบเพชรอย่างละเอียด - ขั้นตอนสุดท้าย ลองตรวจสอบเพชรแต่ละเม็ดอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าเพชรมียิงเลเซอร์เบอร์ certificate ที่ขอบ ลองดูว่าหมายเลขตรงกันรึป่าว หรือถ้าเป็นเพชรที่อยู่ในซีลที่ยังไม่แกะก็ดีครับ ลองใช้ loupe ส่องดูเพชรอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีตำหนิที่มีสี ที่เห็นได้ง่ายรึป่าว ถ้าเราสามารถเห็นตำหนิได้ง่ายๆ แสดงว่าเพชรเม็ดนั้นเกรดต่ำกว่า VS2 เป็น SI แล้วครับ ถ้าเราหาแล้วหาอีกไม่เจออาจเป็น VVS หรือ VS ก็ได้ครับ ถ้าในใบเซอร์มีการพล็อตตำแหน่งตำหนิ ให้เลือกเม็ดที่มีตำหนิอยู่ที่ขอบๆหรือด้านหลังจะดีกว่าเพชรที่มีตำหนิกลาง หน้าครับ

6. การตรวจสอบ Heart&Arrow สำหรับกรณีที่เพชรเม็ดนั้นเป็น Heart&Arrow วิธีตรวจสอบให้สังเกตว่าเห็นลูกศรชัดเจนทั้ง 8 ดอกและมีขนาดเท่ากัน เมื่อมองจากด้านหน้าเพชร และเมื่อมองจากด้านหลังเพชร เป็นรูปหัวใจชัดเจนแปดดวง และมีขนาดเท่ากัน

7. การเลือกตัวเรือน - หลังจากเลือกเพชรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเลือกตัวเรือนแล้วครับ ว่าจะใช้เป็น white gold, pik gold หรือถ้างบประมาณอำนวยก็อาจเลือกเป็น platinum (ราคาจะแพงกว่าทอง 2-3 เท่าครับ แต่สีเงินตามธรรมชาติและไม่ดำ ข้อควรระวังสำหรับ platinum คือไม่สามารถแก้ขนาดขึ้นลงได้มากนักในภายหลัง ถ้าเราเป็นคนที่น้ำหนักเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากๆ ไม่แนะนำครับ)เมื่อได้แบบที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองสวมด้วยนะครับ เพราะบางครั้งแหวนดูสวย แต่พอใส่แล้วไม่เหมาะกับนิ้วเรา

8. ปัจจัยอื่นๆ - ปัจจัยอื่นๆที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อเลือกซื้อแหวนเพชร เราควรสอบถามเรื่องนโยบายการขายคืน หรือการแลกซื้อวงใหม่ด้วยครับ บางครั้งเราอาจคิดว่าไม่สำคัญ แหวนแต่งงานเรา เราไม่ขายอยู่แล้ว แต่อนาคตไม่แน่นอนครับ เราอาจร้อนเงินภายหลังก็ได้ ถ้าไม่สอบถามหรือตกลงกันให้เรียบร้อย ภายหลังเราต้องการนำมาขายคืนเกิดทางร้านไม่รับซื้อ เสียความรู้สึกแย่ครับ ควรตกลงกันให้เรียบร้อย ถ้าจะให้ดีเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรยิ่งดีครับ อีกเรื่องคือการบำรุงรักษาครับ สอบถาม ตกลงกันให้เรียบร้อยว่า ถ้านำมาขัดชุบมีบริการให้ฟรีรึป่าว หรือเสียค่าบริการยังไง ผมเคยเจอบางร้านคิดค่าขัดชุบแหวนตั้ง หนึ่งพันบาท แพงมากๆเลยครับ บางคนไม่ทราบคิดว่าราคานี้เป็นราคาปกติ จริงๆแล้วค่าขัดชุบสำหรับเครื่องประดับชิ้นเล็ก อย่าง แหวน จี้ ไม่น่าเกิน 300-400 ครับ ถ้าเป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่อย่าง สร้อยคอ เป็นไปได้ครับว่าอาจถึงหลักพัน

บทความจาก : diamondgrande.com

บทความน่าสนใจ

Blog Interesting :สวยสมวัย...ด้วยธรรมชาติ,สไตล์แฟชั่นเสื้อผ้าการแต่งตัวอินเทรนด์,ผู้ชาย..ใครว่าเข้าใจยาก,เคล็ดลับง่ายๆ...ช่วยเพิ่ม ความจำดี,เคล็ดลับ เส้นทาง นักขาย,คู่มือ...ลดน้ำหนักเร่งด่วน,ศิลปะ...การพูดจูงใจคน,เทคนิคการแต่งกายตามแฟชั่น,ความรู้ กับตุ๊กตา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น